วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ตำนานมนุษย์หมาป่า


มนุษย์มักพยายามแยกตัวเองออกจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น อะไรก็ตามที่ทำให้ขอบเขตระหว่าง มนุษย์กับสัตว์เลือนรางมักเป็นสิ่งที่น่ากลัวและสับสนเลื่อนลอย ความไม่แน่ชัดในขอบเขตของคนและสัตว์มีให้เห็น ดังเช่นในเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เป็นทั้งคนและสัตว์ มันสามารถกลายร่างไปเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้



โดยอาศัยอำนาจของปิศาจสิ่งมีชีวิตที่ว่านี้มักมีลักษณะความชั่วร้ายของทั้งสองฝ่ายมารวมกัน ในพุทธศตวรรษที่ 21 เชื่อกันว่า แม่มดสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ได้ อย่างเช่น หมี หรือหมาป่า เสียงหมาหอนเป็นสัญลักษณ์ของภาพยนตร์สยองขวัญทำให้เราขนลุกได้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงมันจะเห็นว่าเป็นอิทธิพลของภาพยนตร์อีกเหมือนกันที่มีส่วนช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่น่ากลัวของสัตว์ชนิดนี้



แม้จะมีการทำสารคดีถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของหมาป่าที่แท้จริงว่า มันไม่ได้มีความลึกลับที่ทำให้น่ากลัวแต่อย่างใด สารคดีช่วยนำเสนอธรรมชาติของหมาป่าที่รักสงบ ล่าเพื่อเป็นอาหารเท่านั้น และมีลักษณะเป็นสัตว์สังคม



พระจันทร์เต็มดวงมีอิทธิพลกับการเป็นมนุษย์หมาป่า


The American Werewolves in Paris
สารคดีอาจทำให้มุมมองเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่อาจลบภาพความลึกลับที่หมาป่า อาจกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งมนุษย์และออกทำร้ายผู้คนไปได้หมดสิ้น ถิ่นใดที่มีหมาป่า ก็มักจะเชื่อว่า ต้องมี มนุษย์หมาป่า อยู่อย่างแน่นอน

คำว่า มนุษย์หมาป่า มาจากคำภาษาอังกฤษว่า werewolf เราคงจะพอคุ้นกับคำนี้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ก็มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า ชื่อว่า The American Werewolves in Paris แม้จะเป็น ภาพยนตร์แนวตลกแต่ก็มีพื้นฐานมาจากความเชื่อจริง ๆ were เป็นคำอังกฤษดั้งเดิมแปลว่ามนุษย์ และ wolf ก็แปลว่า หมาป่า รวมกันแล้วเป็น มนุษย์หมาป่า

ส่วนในท้องถิ่นอื่นที่ไม่มี หมาป่าก็จะมีมนุษย์กึ่งสัตว์ที่มีในท้องถิ่น เช่น มนุษย์สิงโตในอัฟริกา มนุษย์เสือดำในอเมริกาใต้ และมนุษย์เสือ หรือเสือสมิงในอินเดียในไทยก็มีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับ เสือสมิง เช่นกัน สอบถามได้จากนายพราน หรือพนักงานป่าไม้ ที่คลุกคลีใกล้ชิดกับป่าและสัตว์ ธรรมชาติมักมีสิ่งที่น่าพิศวงแอบแฝงอยู่เสมอ เชื่อกันว่า พระจันทร์เต็มดวงมีอิทธิพลกับการเป็นมนุษย์หมาป่ามากคนธรรมดาไม่ควรอยู่นอกบ้านในคืนพระจันทร์เต็มดวงเพราะอาจมีอันตรายจาก มนุษย์หมาป่าได้ มนุษย์หมาป่าถ่ายทอดได้จากการดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม



การเป็นมนุษย์หมาป่า นั้นเชื่อว่า ถ่ายทอดได้หลายทาง ทางหนึ่ง คือ การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกับแก้วที่มนุษย์หมาป่าดื่ม บางครั้งคนธรรมดาก็โดนคำสาปให้เป็น มนุษย์หมาป่า เชื่อกันว่า มนุษย์หมาป่า ถ่ายทอดถึงลูกหลานได้ นักปราชญ์ชาว สวิส ชื่อ พาราเซลซุส ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 คิดว่ามนุษย์หมาป่า เป็นการกลับมาของดวงวิญญาณของคนที่มีบาป และเคยทำความชั่วไว้ในขณะมีชีวิตอยู่

ลักษณะของคนที่เป็น มนุษย์หมาป่า สังเกตได้ คือ มีขนตามร่างกายมากผิดปกติ หรือมีลักษณะการเดินแปลก ๆ บางคนอยากเป็น มนุษย์หมาป่าและใช้เวทมนตร์คาถาที่มีเฉพาะให้กลายเป็นมนุษย์หมาป่าต้องประกอบพิธีกรรมเริ่มด้วยการเปลื้องผ้าร่ายมนต์ สวมใส่เข็มขัดและหน้ากากขนหมาป่า ไม่ว่าการกลายร่างเป็น มนุษย์หมาป่าจะเป็นไปโดยตั้งใจหรือไม่ มันก็จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืนในคืนพระจันทร์เต็มดวง เหยื่อที่ถูกล่ามีทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยมากจะเป็นเพศหญิงที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น


ในคืนนั้นจะมีการล่าเกิดขึ้นเหยื่อที่ถูกล่ามีทั้งมนุษย์และสัตว์ โดยมากจะเป็นเพศหญิงที่ยังอยู่ในวัยแรกรุ่น เหยื่อถูกทำร้ายและถูกประทุษร้ายทางเพศด้วย มนุษย์หมาป่า ที่ถูกจับได้จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์เมื่อถูกฆ่าตายแล้ว แต่ถ้าการเป็น มนุษย์หมาป่า นั้นไม่ได้เต็มใจจะเป็นก็สามารถรักษาให้หายได้ โดยการเสียเลือด ๓ หยดหรือถูกเรียกชื่อจริงในขณะที่ยังเป็น หมาป่า อยู่ เชื่อว่าไม้บางชนิดสามารถป้องกัน มนุษย์หมาป่าได้ เช่น กิ่งมะกอก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วไม่มีอะไรหยุดพวกมันได้ ปี โทษคือ ประหาร โดยการเผา


พ.ศ.2053 ที่ประเทศฝรั่งเศส ชีลส์ การ์นิเยร์ (Gilles Farnier) ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่าที่จู่โจมทำร้ายผู้คน มีพยานเห็นเขาทำร้ายผู้คนขณะอยู่ในร่าง มนุษย์หมาป่า ลีลส์ ถูกจับและถูกทรมานจนยอมรับสารภาพในที่สุดว่า เขาเป็นมนุษย์หมาป่า เขาสารภาพรายละเอียดการทำร้ายและกล่าวว่าเขาได้กินเนื้อของเหยื่อด้วย โทษของเขา คือ ประหาร โดยการเผา การล่าหมาป่า

อาจเป็นไปได้ว่า มนุษย์หมาป่า เป็นตัวแทนของพฤติกรรมแฝงด้านมืดที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน


ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 ในฝรั่งเศส ทำให้จำนวนของหมาป่าลดลงและเรื่องของ มนุษย์หมาป่า ก็เลยน้อยลงตามไปด้วย มีการพยายามที่จะอธิบายและหาสาเหตุของความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าแต่ก็มีเพียงสมมุติฐานเท่านั้น หาข้อเท็จจริงไม่ได้

มีการสันนิษฐานว่า สภาพมนุษย์หมาป่า อาจเป็นอาการป่วยทางจิตที่บางคนคิดว่า ตนเป็นมนุษย์หมาป่า และพยายามปฏิบัติตัวว่าเป็นจริง ไม่ว่าข้อสันนิษฐานจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครหาข้อพิสูจน์ได้ว่า เหตุใดมนุษย์จึงเชื่องมงายเกี่ยวกับ มนุษย์หมาป่า ไม่มีที่สิ้นสุด อาจเป็นไปได้ว่า มนุษย์หมาป่า เป็นตัวแทนของพฤติกรรมแฝงด้านมืดที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กำเนิดซาตาน

ซาตาน มาจากภาษาอังกฤษ (Satan) ซึ่งยืมมาจากภาษาอาหรับ ว่า ชัยฏอน (ในพระคัมภีร์เป็นภาษาฮีบรู แปลว่า ปฏิปักษ์ หรือผู้ขัดขวาง)ซาตานคือผู้ที่เป็นศัตรูของพระเจ้าในคริสต์ เป็นตัวต้นตอของความชั่วร้าย ปิศาจ และความมืด ซาตานแตกต่างจากปิศาจทั่วไปเพราะซาตานคือเจ้าแห่งปิศาจทั้งมวล มารร้ายที่ล่อหลอกมนุษย์ให้หลงผิด และกระทำความชั่ว


เมื่อพูดถึงซาตาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวประหลาดที่มีเขา 2 เขา หรือผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วพระคัมภีร์บอกว่าซาตานนั้นเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูง มีรูปร่างงดงาม ฉลาด เป็นทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และพระเจ้าได้ทรงตั้งให้อยู่ท่ามกลางเครูบ มีชื่อเรียกว่าลูซิเฟอร์ ดังที่ปรากฏในหนังสือประกาศกเอเสเคียล 28:12 - 15

"บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบเต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำและลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง"





พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน พระองค์สร้างแต่ทูตสวรรค์ ซาตานเกิดขึ้นจากความหยิ่งผยองของทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ที่คิดว่าตนเองรูปร่างงดงาม มีตำแหน่งสูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ และฉลาดที่สุด ดังนั้นตนจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการนมัสการแทนพระเจ้า

แต่ในหลักการทางศาสนาอิสลาม พระเจ้าเป็นผู้ทรงสร้างซาตานหรือไซฏอน ซาตานเป็นศัตรูของชาวมุสลิม ซาตานจะคอยหลอกให้มนุษย์ทำแต่ในสิ่งที่ชั่ว

"จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลงเพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า" เอเสเคียล 28:17

ความหยิ่งยโสนี้เป็นหนึ่งในความบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง เหมือนกับที่บอกไว้ในพระธรรมสุภาษิต 6:16 - 19 ดังนี้

"มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตายโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง"

เพราะความหยิ่งผยองนี้เอง ซาตานจึงถูกพระเจ้าขับไล่จากสวรรค์ และถูกผลักให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ตกลงมายังปากแดนของคนตาย

"โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน" อิสยาห์ 14:12-15


อย่างไรก็ตาม ซาตานกับลูซิเฟอร์อาจไม่ใช่ทูตสวรรค์ตนเดียวกัน Jewish Encyclopedia ระบุว่าในคัมภีร์ฮิบรูหลายฉบับนั้น ซาตานเป็นทูตสวรรค์ที่ได้รับอนุญาตจากพระเจ้าให้ล่อลวงและทรมานมนุษย์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาเท่านั้น ไม่อาจกระทำตามใจตนได้ นอกจากลูซิเฟอร์แล้วยังมีอดีตทูตสวรรค์อีกสามตนที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นซาตานบ่อยๆคืออแบดดอน (Abaddon - Angel of the Abyss) เบลเซบับ (Beelzebub - Lord of the Flies) และซามาเอล (Samael - Poison of God)

ตำนานผี ท่าน เคาท์ แดร๊คคูล่า ( Count Dracula )

ตำนานผี ท่าน เคาท์ แดร๊คคูล่า ( Count Dracula )


ในจำนวนผีเทศ หรือผีฝรั่ง เห็นจะไม่มีใครโด่งดัง และได้รับการกล่าวขวัญถึงมากไปกว่า ท่านเคาท์ แดร๊คคูล่าแห่ง โรมาเนีย เพราะมี เรื่องเล่าขาน ถึงประวัติความเป็นมาตลอดจนพฤติกรรมอันน่าสยดสยองของผีดิบตนนี้มานานหลาย ศตวรรษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เนื่องจากตำนาน นิยายสยองขวัญและภาพยนต์ ซึ่งสร้างฉายโกยเงินไปทั่วโลกแล้วหลายสิบรอบ

ประวัติความเป็นมา

- Dracula ในภาษา โรมาเนีย แปลว่า "ปีศาจ" แต่เดิน ท่านเคาท์ แดร๊คคูล่านั้นเป็นเจ้าชายผู้ครองแคว้น วัลลาเซียในปัจจุบันนี้รวมอยู่ในประเทศ โรมาเนีย ทวีปยุโรป เป็นดินแดนหลังม่านเหล็ก

ผู้ให้กำเนิดเคาท์ แดร๊คคูล่า

- สำหรับผู้ให้กำเนิดเคาท์ แดร๊คคูล่า ไม่ใช่ซาตานหรือจอมปีศาจอสูรกายตนไหน แต่เป็นนักประพันธ์ชาวอังกฤษมีนามว่า "แบรม สโตเกอร์" ซึ่งเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับผีดูดเลือดตนนี้ขึ้นมาจากความฝันในค่ำคืนอันเย็นยะเยือกแห่งฤดูหนาว ในปีค.ศ. 1897 และเมื่อประสบความสำเร็จก็มีภาคหรือตอนต่อๆมา เพื่อตอบสนองคอนิยายแนวสยองขวัญจนโด่งดังได้รับความนิยมไปทั่วโลก หากจะนับจำนวนครั้งที่ตีพิมพ์

การแปลเป็นภาษาต่างๆ และการนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ฉายทั้งในโรงและจอโทรทัศน์คงต้องนำข้อมูลใส่คอมพิวเตอร์

ให้ช่วยคำนวนกันเลยทีเดียว จึงไม่ต้องสงสัยว่าผีดูดเลือดรูปหล่อตนนี้ได้ทำเงินให้กับเจ้าของบทประพันธ์และผู้จัดพิมพ์ผู้สร้างภาพยนต์ไปแล้วจำนวนมากมายมหาศาลสักแค่ไหน

- ท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วท่านเคาท์ แดร๊คคูล่าไปเกี่ยวข้องกับเจ้าชายวลาด ทีปีส แห่ง โรมาเนีย ได้อย่างไร ความจริงคือ ... แม้ว่ามิสเตอร์สโตเกอร์จะเขียนเรื่องราวนี้จากความฝันของเขา แต่ก็ได้เค้ามาจากเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ของดินแดน โรมาเนีย เกี่ยวกับเรื่องของ เจ้าชายวลาด ทีปีส แห่งแคว้น วัลลาเซีย ผู้มีความดุร้าน ทารุณโหดมไม่ผิดอะไรกับภูติผีปีศาจจนได้รับสมญานามว่า ท่านเคาท์ แดร๊คคูล่า

- เจ้าชาย วลาด ทีปีส เป็นนักรบและนักปกครองจอมกระหายเลือด เมื่อจับนักโทษหรือศัตรูได้ จะต้องนำไปทรมานด้วยวิธีการอันสุดแสนจะพิสดารจนตาย วิธีการที่ว่านั้นคือ นำนักโทษหรือข้าศึกไปเสียบด้วยเหล็กแหลมให้ดิ้นทุรนทุรายร้องครวญครางด้วยความเจ็บปว
ดรวดร้าว จนกว่าจพขาดใจตาย ด้วยเหตุนี้ชาวบ้าน จำพร้อมใจกันถวายสมญานามให้พระองค์ว่า "วลาด นักเสียบ" ( Vlad the Impaler )


- หากดูจากพฤติกรรมของเจ้าชายองค์นี้ ท่านผู้อ่านคงเห็นว่าสมควรแล้วที่จะได้รับสมญานามว่า ยอดนักเสียบ และ จอมซาดิสต์ผู้บ้าคลั่ง จนได้รับฉายาว่าปีศาจ หรือ แดร๊คคูล่า ตลอดชีวิตของพระองค์ ได้ฆ่าคนด้วยวิธีการต่างๆรวมทั้งวิธีทรมานอย่างที่กล่าวไว้มานับหมื่นคน แต่ในวาระสุดท้าย ผลกรรมก็ตามสนองเพราะเจ้าชายพระองค์นี้ถูกข้าศึกสังหารในสนามรบ โดยตัดเอาหัวไปด้วย ฉะนั้นหากจะให้เป็นผีดูดเลือด ก็ต้องให้รับบทผีหัวขาดด้วย

ลักษณะของท่านเคาท์ แดร๊คคูล่า

- หากดูในภาพยนต์ต่างๆ จะเห็นได้ว่าท่านเคาท์ เป็นชายหนุ่มรูปหล่อ อายุประมาณ 30 เศษ ศีรษะออกจะเถิกนิดๆหน่อยๆ ดูภูมิฐาน สมวัย มักแต่งตัวด้วยชุดสีดำคล้ายสูทแต่ยาวรุ่มร่าม เห็นแล้วดูอึดอัด นอกจากนั้นก็ยังมีผ้าคลุมไหล่สีดำอีกผืนหนึ่งเวลาแต่งตัวเต็มยศจึงดูคล้ายกับมนุษย์ค
้างคาว

- นอกจากความหล่อชนิดคุณสาวๆ พอได้สบตาเป็นหลง ยอมให้ดูด แต่โดยดี ท่านเคาท์ยังมีเขี้ยวสเน่ห์ ด้านบนทั้งสอง และเวลาแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม ก็จะดูสยองเลยทีเดียว บางตำราก็ว่า ปกติตอนไม่ได้ใช้งาน เขี้ยวก็จะหดอยู่ พอจะใช้งานหรือต้องการจะแสดงให้เห็นมันก็จะปรากฎออกมาเอง

สถานที่พำนักของท่านเคาท์แดร๊คคูล่า

- ไม่ว่าผีไทยหรือผีฝรั่งย่อมต้องกลัวแดด กลัวแสง เหมือนกัน ดังนั้นในเวลากลางวันท่านเคาท์สุดหล่อ ก็ต้องนอนพักผ่อนในโลงอัน หรูหรา ที่ซ่อนอยู่ในห้องใตดินของปราสาท

- ในห้องใต้ดินอันเป็นที่อาศัยของท่านเคาท์ ก็ยังมีโลงของบรรดาผีดูดเลือด สมุนบริวารอยู่อีกหลายใบ พอถึงตอนกลางคืน ทั้งหมดก็ลุกออกมาแยกย้ายกันไปหากิน

อาหารและวิธีออกหากิน

- เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อาหารของท่านเคาท์ คือ เลือด โดยเฉพาะเลือดของบรรดาเหยื่อสาวๆ ยิ่งสาว พรมจรรย์ ยิ่งอร่อย (เขาว่างั้นนะ สงสัยผีชีกอแหงๆ ) ท่านเคาท์จะแปลงร่างเป็นค้างคาว บิน พับๆ ... ออกไปล่าเหยื่อ เมื่อใกล้รุ่งเช้าก็จะรีบบินกลับ ปราสาทมานอนในโลงดังเดิม

อิทฤทธิ์ของผีดูดเลือด

- หากว่าใครตกเป็นเหยื่อของท่านเคาท์ หรือผีดูดเลือดตนอื่นๆแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นผีดูดเลือดไปด้วย ส่วนเรื่องพละกำลังนั้นไม่ต้องสน เพราะต่อให้เรามีแรงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเทียบกับมันได้เลย อีกอย่างมีบางตำนานกล่าวไว้ ก็คือ แดร๊คคูล่าสามารถแปลงเป็นควันได้ แม้จะหลบหนีอยู่ในที่มิดชิดแค่ไหน ท่านเคาท์ก็ตามเข้าไปจัดการได้ ( แล้วจะหนียังไงเนี่ย )



วิธีป้องกันและจัดการกับผีดูดเลือด

- สิ่งที่ท่านเคาท์และบรรดาผีดูดเลือดกลัว คือ แสงแดด ไม้กางเขน กระเทียม เหล็กแหลม ( ใช้ตอกอก ) น้ำ

- แสงแดด ไม่ว่าผีไทยหรือผีฝรั่ง เจอเข้าเป็นร้องจ๊าก!! แสบผิวหนังไปหมดเลย จอร์จ !! จึงสบายใจได้ว่า กลางวันปลอดภัยจากผีแน่นอน

- ไม้กางเขน ดูเหมือนอันนี้เฉพาะผีฝรั่งเท่านั้นที่กลัว เพราะไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนา แทนเครื่องหมายของพระเจ้า หรือจะให้ผีฝรั่งกลัวพระเครื่องของไทย อันนี้ก็ดูแปลกๆ ชาวยุโรปเชื่อว่าสามารถป้องกันผีได้อย่างดี แต่ถ้าเป็นไม้กางเขนหัวกลับ จะเป็นเครื่องหมายของ ซาตาน

- กระเทียม สรรพคุณ กลิ่นแรง รสชาติเผ็ดร้อน หากลองเอากระเทียมสดๆ ยัดใส่ปากตัวเองสัก 1 กำมือ อันนี้ถึงเป็นคน ก็ทนแทบไม่ไหวเช่นกันกับตำนานท่านเคาท์ ที่ต้องกลัวกระเทียม แต่ถ้าเอาไปปรุงอาหารแล้ว ท่านเคาท์จะกลัวหรือเปล่าเนี่ย อิอิ ก็น่าคิด..

- เหล็กแหลม แน่นอน ถ้ามันวางไว้เฉยๆ ก็ดูไม่น่ากลัวอะไร แต่นี่คือ อาวุธของพระเอกสำหรับจัดการ ท่านเคาท์ โดยการรอจนเช้าแล้ววิ่งเข้าไปห้องใต้ดินที่เก็บร่างของท่านเคาท์ เอาเหล้กแหลมตอก หรือจิ้มลงไปบนอกของผีร้าย( โลงของท่านเคาท์ยิ่งหาง่าย เพราะจะติดแอร์ มีเสาอากาศ สายโทรศัพท์ ต่ออินเตอร์เนต ฯลฯ จริงๆแล้วเป็นโลงที่อยู่เด่นชัดและหรูกว่าของชาวบ้านนั่นเอง ) เท่านี้ บรรดาผีดูดเลือดก็ ม่องเท่ง ไปตามๆกัน ยิ่งเอากระเทียมยัดปากเพื่อความมั่นใจ ยิ่งดีใหญ่

- น้ำ อันนี้ไม่รู้ท่านเคาท์จะกลัวทำไม หรือว่ากลัวว่าไม่มีกลิ่นสาบ ถึงแม้จะรูปหล่อถ้ามีแต่กลิ่นเน่า สาวๆ คงไม่หลงเป็นแน่ ถ้าใครพบผีดูดเลือด ลองหลอกพาไปอาบอบนวดสัก ชม. รับรอง เด๊ดสะมอเร่ตามระเบียบ

ส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคือ เรื่องของ แวมไพร์ มีค้างคาวชนิดหนึ่งซึ่งถูกเรียกว่า Vampire ซึ่งชอบดุดเลือดคนและสั... และค่อนข้างตะกละมากเป็นพิเศษ มักบินไปดูดเลือดสั...ในคอกของชาวบ้าน ประกอบกับในช่วงเวลานั้นมักมีข่าวของฆาตกรโรคจิต ออกสังหารล่าเหยื่อสาวๆในเวลานั้น ผู้เขียนจึงเอาเรื่องราวเหล่านี้มาผสมกลมกลืนเป็นเรื่องราวของผีดูดเลือด ด้วยประการละฉะนี้ ....

ผี

ผี เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถพิสูจน์ หรือตรวจวัดได้ด้วยเครื่องมือที่เชื่อถือได้ จึงยังไม่เป็นที่ยอมรับในทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องความตาย และมีอยู่ในเรื่องเล่ามานานในอดีต ผู้คนมักหวาดกลัวกับผี ไม่ว่าขณะที่เจอกับผี จะมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน หรือไม่ก็ตาม โดยสัญชาติญาณแล้วเมื่อรู้สึกว่าตนเจอผี คนจะตัดสินใจที่จะหนี พูดคุยเสียงดังๆแม้ว่าจะคุยคนเดียว สวดมนต์ต์ ขออภัยที่ล่วงเกิน หรือวิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อทำให้ตนรู้สึกปลอดภัยขึ้น

ผี เป็นความเชื่อดั้งเดิมของมนุษย์แต่ครั้งโบราณทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ตั้งแต่ยุคก่อนจะมีศาสนา แม้ปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องผีจะเลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ก็มีผู้คนส่วนมากที่เชื่อในเรื่องผีและสิ่งลี้ลับแม้ในประเทศที่เจริญแล้วก็ตาม

ผี ในคติความเชื่อของคนไทยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ คือ ผีดี และ ผีร้าย ผีดี คือบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองดูแล แต่ถ้าไม่เคารพไม่บูชา ไม่เซ่นสวรวง ก็อาจให้โทษได้เช่นกัน เช่น ผีบ้านผีเรือน เป็นต้น ส่วนผีร้าย คือ ผีที่คอยรังควาญ ไม่มีประโยชน์ เช่น ผีปอบ ผีกระสือ เป็นต้น

ผี อาจจะมีมาได้ในหลายลักษณะ แต่ส่วนมากมักจะปรากฏในรูปของอดีตมนุษย์ หรือมีลักษณะบางส่วนที่ค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์ ผู้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มักมีความกลัวที่ฝังใจ และเชื่อว่าการที่เจอผีนี้ จำเป็นที่จะต้องทำพิธีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อความสบายใจ หรือเพื่อความปลอดภัย เช่น การกรวดน้ำ ทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทำพิธีส่งวิญญาณ ฯลฯ ตามแต่ความเชื่อของแต่ละท้องที่ หรือ แต่ละบุคคล

ในทางจิตวิทยา อธิบายว่า การที่มนุษย์กลัวผีเกิดจากการที่กลัวบรรพบุรุษ