เล่าเรื่องผี
เล่าเรื่องผี ตำนานผี เรื่องผีขนหัวลุก
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555
ขึ้นจากคลอง
ขนหัวลุกเจ้าของเขาหวง
ขนหัวลุกภาพผีสิง
ขนหัวลุกบ้านผีเฮี้ยน
"ต๊ะ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรังสิต
คืนนั้นเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในชีวิตของผม และผมจะไม่มีวันลืมแน่ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ตาม ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะนึกถึงมันเลยแม้แต่นิดเดียว!
บ้านผมอยู่ยานนาวา พ่อแม่ชอบพูดชมผมให้คนอื่นๆ ฟังเสมอว่าผมเป็นเด็กเอาถ่าน ได้เรื่องได้ราว เป็นธุระให้พ่อแม่ได้ทุกเรื่อง...แหม! ก็เด็กจบจากรามนี่ครับ ตอนอยู่โรงเรียนก็เป็นหัวหน้าลูกเสือ หัวหน้าห้อง พอเข้ามามหาวิทยาลัยอยู่ปีสองก็เป็นหัวหน้าชมรม นิสัยผมชอบช่วยเหลือคนอื่นครับ
...และนี่เอง คือที่มาของคืนสยองคืนนั้น!
ลุงวีระ-เพื่อนของพ่ออยากได้คนไปนอนเฝ้าบ้านให้คืนหนึ่ง เพราะจะต้องไปทำธุระกับป้าน้อยที่ต่างจังหวัด ที่บ้านก็ไม่มีใครเลย อยู่กันแค่สองคนตายาย ลูกๆ แต่งงานแยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว
แหม! เรื่องแค่นี้จะเป็นไรไป บ้านของลุงวีระอยู่รังสิต ใกล้มหาวิทยาลัยของผมพอดี ไม่ลำบากหรอก ผมจะไปเฝ้าบ้านให้หนึ่งวันกับหนึ่งคืน พอรุ่งขึ้นวันจันทร์ผมก็ไปเรียน ลุงวีระจะกลับมาราวๆ บ่าย ทุกอย่างลงล็อกพอดิบพอดีไม่มีปัญหา
เช้าตรู่วันอาทิตย์ ผมสะพายเป้ไปถึงบ้านลุงวีระ และได้พบกันก่อนจะออกเดินทาง ป้าน้อยจัดห้องให้ผมนอนที่ชั้นบน เป็นห้องนอนเดิมของลูกสาวคนโตน่ะเอง
คุณป้าเตรียมของกินใส่ตู้เย็นไว้เพียบ ส่วนคุณลุงบอกให้ผมทำตัวตามสบาย ดูทีวี ฟังเครื่องเสียง เล่นคอมพิวเตอร์ได้ทุกอย่าง...บ้านนี้ไม่ใหญ่โตอะไรนักเพราะเป็นหมู่บ้าน แต่แปลกมากที่บ้านข้างๆ รอบๆ นั้นไม่มีคนอาศัย มันปิดไว้เฉยๆ บางหลังมีป้ายประกาศขาย บ้างก็มีประกาศให้เช่า...เป็นเพราะอย่างนี้กระมัง คุณลุงถึงต้องหาคนมาเฝ้าบ้านเพราะมันดูเปลี่ยวเอาการ...ขโมยขโจรคงจะชุมน่าดู!
ตอนกลางวันน่ะไม่เท่าไหร่หรอกครับ ผมถูกปล่อยให้อยู่ลำพัง แต่ก็สบายเชียวละ ผมเอาเนื้อออกมาย่างกับเตาอเนกประสงค์ กินคนเดียวอย่างเอร็ดอร่อย แล้วเอางานที่อาจารย์สั่งเป็นการบ้านมาทำ โดยใช้เน็ตของคุณลุง...พอตกกลางคืนกลายเป็นคนละเรื่องเลยครับ
ผมรู้สึกว่าบรรยากาศที่อบอุ่นน่าสบายนั้นจางหายไปพร้อมๆ กับแสงตะวันละแวกบ้านลุงวีระ...คือรอบๆ ตัวผมมันช่างวังเวงเหมือนอยู่ในโลกร้างไม่มีผิด!
งานของผมยังไม่เสร็จ ต้องค้นคว้าในเน็ตต่อไปอย่างมีสมาธิ แล้วพักกินมื้อเย็นราวๆ ทุ่มเศษ จากนั้นก็เปิดเน็ตทำงานต่อ
ราวสองทุ่มกว่า ผมได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนมีคนจำนวนมากคุยกันอยู่ที่บ้านข้างๆ ก็เลยเปิดม่านดู...รอบๆ ตัวมีแต่ความมืด จะสว่างเฉพาะแสงไฟถนนเท่านั้น แล้วเสียงพวกนั้นมาจากไหนนะ? ช่างเถอะ...อยากทำงานให้เสร็จเร็วๆ จะได้เข้านอน สักห้าทุ่มสองยามก็ยังดี
ยิ่งดึก ผมยิ่งรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างวุ่นวายอยู่รอบๆ ตัว บางทีก็เหมือนมีใครมายืนมองนอกหน้าต่าง ตอนแรกยังผวา นึกว่าขโมยมันดอดเข้ามา...ผมชักกลัวแล้วนะ
สี่ทุ่มครึ่ง ผมได้ยินเสียงคนทะเลาะกันดังมาจากข้างบ้านนี่เอง!
เมื่อเดินไปดูก็พบว่า บ้านหลังนั้นมืดตึ๊ดตื๋อเหมือนเดิม...แต่แล้วผมก็เห็นสิ่งประหลาด...ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านที่มืดๆ นั้น ไม่ใช่ออกนอกประตูรั้วนะครับ แต่ออกมายืนที่ระเบียงชั้นสองพอดี
เขาใส่เสื้อกล้ามขาวๆ ไฟถนนส่องให้เห็นว่าอายุราวสี่สิบกว่าๆ ร่างท้วม ผมบาง...เขายืนเหม่อลอย ถอนใจ...แล้วก็หันหน้ามาทางผม
คุณพระช่วย! เขามีท่าทางว่ามองเห็นผมด้วย นั่นไง! เขาโบกมือให้ ผมยกมือโบกตอบอย่างใจลอยยังไงไม่รู้...เหมือนถูกสะกดจิตยังไงยังงั้น!
จากนั้นก็ไม่มีสมาธิทำงานแล้วครับ ผมเข้านอน ปิดม่านหน้าต่างหมด เปิดแอร์และเปิดไฟหัวเตียงไว้ รู้สึกหนาวเยือกๆ บอกไม่ถูก แว่วเสียงเหมือนผู้ชายร้องไห้จากบ้านข้างๆ น่าขนลุกชะมัด...คืนนั้นผมฝันร้าย เห็นแต่ภูตผีปีศาจจนสะดุ้งผวา หลับๆ ตื่นๆ ไปทั้งคืน!
รุ่งขึ้นไปมหาวิทยาลัย เพื่อนๆ ถามว่าทำไมขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ผมเลยเล่าสิ่งที่พบมาให้ฟัง...
ไม่น่าเชื่อเลยครับ รุ่นน้องคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม พูดถึงชื่อหมู่บ้านนั้นขึ้นมา พอผมบอกว่าใช่ เขาก็เล่าว่าเขาอยู่ที่หมู่บ้านนี้เอง เมื่อหลายเดือนก่อนมีบ้านหลังหนึ่งจัดงานเลี้ยง แต่พอตกค่ำ เจ้าของบ้านก็ทะเลาะกับเมียแล้วผูกคอตายกลางดึกคืนนั้นเอง
ตั้งแต่นั้นผีก็ดุมาก คนข้างบ้านต่างกลัวผี หลายคนเห็นกับตาว่าคนที่ตายนั้นออกมายืนที่ระเบียง...หลายบ้านถึงกับย้ายหนี! ฟังแล้วเข่าอ่อนเลย...ถ้างั้นผมก็เจอเข้าแล้วเต็มๆ
ทุกวันนี้ผมยังมีนิสัยชอบช่วยคนอื่นอยู่เหมือนเดิม แต่ถ้าคุณลุงวีระขอให้ไปเฝ้าบ้านอีก ผมเห็นทีจะต้องปฏิเสธละครับ...เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย!
โดย ใบหนาด : ที่มา นสพ.ข่าวสด
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555
ผีนางตะเคียน ตำนานความเชื่อเรื่องนางตะเคียน
เรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็นต้น
ผีกะยักษ์
ผีโพง
ผีโพง จะเป็นตอนกลางคืน ช่วงที่ชาวบ้านพบเห็นบ่อย จะอยู่ในช่วงฤดูฝน ช่วงตอนฝนตก มักจะเห็นแสงสว่างสีแดง ม่วง เขียว ที่จะสว่างแถวกลางทุ่งนาแล้วดับ แล้วก็ไปสว่างแล้วดับอีก ไปเรื่อยๆ บางก็เล่าว่าจะมีแสงไฟตกจากจมูก เหมือนหยดน้ำด้วย ถ้ามีคนตามรอยผีโพงไป ก็จะเจอกับ กบ เขียด ที่จะนอนตายตัวแข็งตามท้องนา ถ้าหากว่าคนไปเจอกับผีโพงเข้า แล้วเห็นว่าผีโพงนั้นเป็นใคร ผีโพงมักจะบอกว่า “มันเป็นวิบากกรรมของมัน ที่ต้องมาชดใช้กรรมแบบนี้” และอ้อนวอนอย่าให้บอกใคร ผีโพงก็จะเสก ใบไม้ ก้อนหิน ก้อนอิฐ หรือถ่านมี่ (ถ่านมี่ คือถ่านสีดำ ที่ใช้ก่อกองไฟในครัว) ให้กล้ายเป็นทองคำ แล้วเอาจ้างคนที่พบเห็น เพื่อที่จะไม่ให้บอกใคร ถ้าไม่รับปาก หรือไม่รับทองคำนั้นมา ผีโพงก็จะทำร้าย หรือทำให้เรากลายเป็นผีโพงเหมือนมัน หรือใต้ถุนบ้าน ทำให้คนที่อยู่ในบ้านเจ็บป่วย หรือตายหมดทั้งบ้าน